วิธีดูแลช่องปาก เพิ่มปากสะอาด ลดปากเหม็น ห่างไกลโรค
วิธีดูแลช่องปาก
มาเรียนรู้ วิธีดูแลช่องปาก กันเถอะ เพราะกลิ่นปากมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือโรคต่างๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ และหลายต่อหลายครั้งที่กลิ่น ปาก อันไม่พึงประสงค์ มักจะปรากฏออกมาบั่นทอนความมั่นใจของเรา ดังนั้น…ต้องรีบหาสาเหตุและกำจัดมันออกไปโดยเร็วค่ะ
สาเหตุทำปากเหม็น
ทันตแพทย์หญิงโฉมไฉไล เอกจิตต์ หัวหน้างานทันตกรรม ศิริราชพยาบาล เล่าให้ฟังดังนี้
อาหาร ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดกลิ่นปากก็คืออาหาร ยาบางตัว เครื่องดื่มบางชนิด โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ รวมถึงการ สูบบุหรี่ โรคฟันผุ คนที่เป็นโรคฟันผุอาจมีกลิ่นปากได้ง่าย เนื่องจากฟันที่ผุเป็นรู (cavity) จะกลายเป็นที่ หมักหมมของเศษอาหาร และเมื่อทับถมกันนานเข้าก็ย่อมจะเกิดการบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็นออกมาได้ โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์อักเสบ คนที่มีอาการเหงือกอักเสบมากๆจะมีโอกาสเกิดกลิ่นปากสูง ความผิดปกติของต่อมน้ำลายหลัก (Major Salivary Glands) กลิ่นปากสัมพันธ์กับปริมาณของ น้ำลายที่ผลิตออกมาเหมือนกัน บางคนมีปริมาณน้ำลายน้อยก็มีโอกาสเกิดอาการปากแห้งได้ เมื่อ ปากแห้ง ความชุ่มชื่นในช่องปากไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้มีกลิ่นปากได้ ไซนัสอักเสบ คนที่มีอาการไซนัสอักเสบมักจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากและลมหายใจเหม็นอยู่เสมอ ทอนซิลอักเสบ คนที่เป็นโรคทอนซิลอักเสบเรื้อรังนานๆอาจจะมีปัญหากลิ่นปากได้ จึงควรรีบหาทางรักษาให้หายขาดโดยเร็วที่สุด โรคเกี่ยวกับปอด คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับปอด เช่น วัณโรคปอด หรือมะเร็งปอด มีโอกาสเกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน นอกจากนี้คนที่สูบบุหรี่จัดจะมีโอกาสเกิดกลิ่นปากจากทางเดินหายใจสูงกว่าคนปกติ ระบบย่อยอาหารไม่ปกติ กระเพาะอาหารเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งผู้ที่มีระบบ ย่อยอาหารไม่ปกติ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว มักมีปัญหากลิ่นปากได้ง่าย ระบบขับถ่ายไม่ปกติ สำหรับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ โอกาสเกิดก๊าซไม่พึงประสงค์ย่อมมีสูงนอกจากก๊าซดังกล่าวจะออกมาในรูปของการผายลมแล้ว ยังมีโอกาสเกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน ฉะนั้น การจะรักษากลิ่นปาก จำเป็นต้องรักษาโรในช่องปากไปด้วย
ระวังโรคของช่องปาก
ปริทันต์ (รำมะนาด) คืออาการที่เหงือกเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงและมีเลือดออกบ่อยๆ รู้สึกเจ็บหรือเสียวที่คอฟัน เป็นตุ่มหนองที่เหงือก ทำให้ฟันไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้และเกิดอาการโยกไปมา หรือเคลื่อนห่างออกจากกัน ซึ่งสร้างความรำคาญและเจ็บปวดแก่ผู้ที่มีอาการเป็นอย่างมาก แถมยังก่อให้เกิดกลิ่นปากเหม็นอย่างรุนแรง ร้อนใน คือ อาการแผลเปื่อยในช่องปาก ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีอันตราย แต่เมื่อเป็นแล้วจะสร้างความรำคาญ เพราะมักเป็นๆหายๆ พบมากในวัยรุ่น และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ใกล้มีประจำเดือนและช่วงที่ภูมิชีวิตอ่อนแอ สาเหตุ เกิดจากภูมิต้านทานในร่างกายต่ำส่งผลให้เยื่อบุผิวหนังในช่องปากเป็นแผล โรคนี้มักเกิดขณะที่มีความเครียด นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอนอกจากนี้ยังเกิดจากการที่อาหารไม่ย่อย ท้องผูก เป็นไข้เรื้อรัง หรือช่วงที่มีประจำเดือน เป็นต้น ผู้ที่มีอาการร้อนในจะรู้สึกเจ็บแผลในช่องปากโดยแผลร้อนในจะมีลักษณะตื้น ขอบแผลมีสีแดง และกลางแผลจะเป็นสีขาวปนเหลือง ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น ซึ่งอาจ ขึ้นแผลเดียวหรือหลายแผลก็ได้ ส่วนมากแผลจะหายเองภายในไม่กี่วัน มะเร็งช่องปาก ได้แก่ มะเร็งที่กระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก เพดาน มักพบมากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป อาการเริ่มต้นของโรคนี้คือ จะมีแผลในช่องปาก รักษาไม่หายเป็นเวลานานเกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไป แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด มีฝ้าขาวในช่องปากร่วมกับตุ่มนูนบนเยื่อบุช่องปากและลิ้นซึ่งโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กดไม่เจ็บ บวมโตขึ้นเรื่อยๆจนแตกออกเป็นแผล สาเหตุ มะเร็งช่องปากเกิดจากการอักเสบเรื้อรังร่วมกับการระคายเคืองที่เกิดขึ้นซ้ำๆเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากฟันแหลมคม ฟันผุ เหงือกเป็นหนอง จนมีการอักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้การกินหมากพลู อมยาฉุน สูบบุหรี่ และดื่มเหล้า ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งช่องปากได้
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
วิธีดูแลช่องปาก
อาการดังกล่าวข้างต้นสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ
- แปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ3 – 5 นาที หรือบ้วนปากหลังกินอาหารทันที
- ล้างฟันปลอมชนิดถอดได้หลังอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณตะขอ และควรถอดออกเวลากลางคืน
- กินอาหารเนื้อหยาบบ้าง เพื่อช่วยในการทำความสะอาดฟัน ได้แก่ผักผลไม้ต่างๆ เช่น ก้านผัก ฝรั่ง มันแกว
- ควรใช้ฟันทุกซี่เคี้ยวอาหาร ไม่ควรถนัดเคี้ยวข้างเดียว เพื่อบริหารให้เหงือกและฟันแข็งแรง
- งดสิ่งเสพติดจำพวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาฉุน และหมากพลู
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับผู้ที่มีอาการร้อนใน หากแผลไม่หายภายในสามสัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์
- ควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลช่องปาก
นอกจากการดูแลตัวเองด้วยวิธีต่างๆ ดังที่ยกตัวอย่างมาแล้วนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละคนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีได้
แปรงสีฟัน ต้องเลือกขนาดที่พอเหมาะ มีส่วนโค้งงอที่สามารถเข้าไปทำความสะอาดถึงฟันกรามซี่ในสุดด้านบนได้ นอกจากตัวแปรงแล้วขนแปรงก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งขนแปรงที่ดีต้องไม่นุ่มเกินไป เพราะจะแปรงแผ่นคราบจุลินทรีย์ไม่ออก หรือไม่แข็งเกินไป เพราะจะทำให้ระคายเคืองต่อเหงือกและทำให้คอฟันสึกได้ ที่สำคัญคือ แปรงสีฟันต้องไม่เก่าเกินไป เพราะปลายจะแหลมขึ้นและบานออก ทำอันตรายต่อเหงือกได้เช่นกัน หากเลือกแปรงสีฟันที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้คุณเป็นโรคเหงือกร่น เหงือกอักเสบ และทำให้คอฟันของฟันกรามสึกได้ ยาสีฟัน ตามทฤษฎีแล้ว ยาสีฟันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่าการแปรงฟันที่ถูกวิธี มีงานวิจัยระบุว่า กลุ่มคนที่แปรงฟันโดยไม่ใช้ยาสีฟันเลย กับกลุ่มที่แปรงฟันด้วยยาสีฟันชนิดต่างๆ ไม่มีผลแตกต่างกันในการกำจัดคราบจุลินทรีย์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้ยาสีฟันจะไม่มีความสำคัญเท่าวิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง แต่ยาสีฟันก็มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่ช่วยลดการสะสมของแผ่นคราบจุลินทรีย์ และช่วยทำให้ลมปากหอมสดชื่น เสริมสร้างความมั่นใจในการสนทนากับคนอื่นได้ค่ะ น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ มีงานวิจัยพบว่า ฟลูออไรด์ช่วยให้ผิวเคลือบฟันแข็งแรงและ ต่อต้านการเกิดคราบแบคทีเรียได้ โดยเฉพาะซี่ฟันแท้ที่เพิ่งพ้นเหงือกขึ้นมา แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะน้ำยาบ้วนปากชนิดที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งข้างขวดมักจะเขียนคำว่า Antiseptics น้ำยาชนิดนี้ควรจะใช้เฉพาะเวลาที่มีการอักเสบ ติดเชื้อ และมีแผลในช่องปากหรือลำคอเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอที่ได้รับการฉายแสงมา เนื่องจากคนเหล่านี้จะมีอาการคอแห้ง การหลั่งของน้ำลายจะน้อยกว่าคนอื่นและอัตราการเกิดโรคฟันผุก็จะมีมากกว่าคนปกติดังนั้นการใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมสารฟลูออไรด์จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ฟันมากขึ้น สำหรับคนปกติที่ใช้น้ำยาชนิดนี้บ้วนปากเป็นเวลานานๆ จะทำให้น้ำยาเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปากทั้งหมด เพราะในช่องปากมีเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ทำให้เกิดโรค หรือที่เรียกว่า Normal Flora อยู่มากกว่า 20 ชนิด เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้อาศัยอยู่ในปากเพื่อทำให้เกิดสมดุลต่อเชื้อรา (นิเวศของช่องปาก) ซึ่งต่างก็ควบคุมการแพร่ขยายของกันและกัน ไหมขัดฟัน แม้ว่าคุณจะเลือกแปรงสีฟัน ยาสีฟันที่มีคุณภาพดี และมีวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง เพียงใด แต่ซอกฟันก็ยังเป็นบริเวณที่ขนแปรงเข้าไปไม่ถึง จึงจำเป็นต้องอาศัยไหมขัดฟันช่วยด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการให้ฟันสะอาด ช่องปากปราศจากเชื้อโรคอย่างแท้จริง ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง ไม้จิ้มฟัน ไม้จิ้มฟันจะช่วยได้ในกรณีที่ไม่มีไหมขัดฟัน ควรใช้วิธีเขี่ยเศษอาหารออก ไม่ควรจิ้ม แบบแทงทะลุ เพราะจะทำให้ยอดเหงือกร่นลง ส่งผลให้เหงือกเป็นร่อง และเศษอาหารก็จะเข้าไปสะสมอีก
อ้างอิง คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต