Welcome to Lifestyle Zone!

เมื่อทวารหนักเกิดอาการผิดปกติ

ทวารหนักผิดปกติ เพราะอะไร ?

แย่แล้ว ทวารหนักผิดปกติ ….. ทวารหนักเป็นอวัยวะส่วนสุดท้ายของลำไส้ ภายในประกอบด้วยกล้ามเนื้อหูรูดสองชนิด คือ กล้ามเนื้อหูรูดภายใน (Internal Sphincter) ซึ่งถูกควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ ไม่อยู่ภายใต้การบังคับของจิตใจและกล้ามเนื้อหูรูดภายนอก (External Sphincter) ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับของจิตใจ และมีหน้าที่สำคัญคือควบคุมการเปิด – ปิดของทวารหนักในขณะที่ร่างกายขับถ่ายของเสีย

แม้ทวารหนักจะถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญของระบบขับถ่ายที่ทำงานหนัก แต่เชื่อไหมครับว่า อวัยวะส่วนนี้ถูกพูดถึงน้อยมากเมื่อเทียบกับอวัยวะอื่นๆ

นายแพทย์เจริญ เดโชธนวัฒน์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปโรงพยาบาลหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงอาการทวารหนักทำงานผิดปกติไว้ว่า เกิดจากการที่ร่างกายของเราได้รับเชื้อโรคบางชนิดเข้าไปในระบบขับถ่าย ได้รับอุบัติเหตุจนระบบขับถ่ายกระทบกระเทือน มีพยาธิในลำไส้ใหญ่ หรือเกิดจากการรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ทวารหนักไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

ทวารหนัก

เราสามารถจำแนกความผิดปกติของทวารหนักได้ตามอาการดังนี้ครับ

– ความผิดปกติที่ทวารหนัก แผลปริที่ขอบทวารหนัก (anal fissures) สาเหตุและอาการ เกิดจากอาการท้องผูกเรื้อรังจนทำให้มีอุจจาระที่แข็งมากไปเบียดเยื่อบุขอบทวารหนักจนเกิดเป็นแผลอักเสบ ในการขับถ่ายแต่ละครั้ง เมื่อกล้ามเนื้อหูรูดหดตัวเพื่อขับอุจจาระออกมาจะยิ่งดึงให้รอยปรินั้นแยกออกมากขึ้น และทำให้เจ็บมากเวลาก่อนและหลังการถ่ายอุจจาระ ในรายที่เป็นมากอาจมีเลือดออกมาด้วย

– ความผิดปกติที่ทวารหนัก ฝีคัณฑสูตร (anorectal abscesses) สาเหตุและอาการ ร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียบางชนิดเข้าไป ทำให้เกิดฝีเม็ดใหญ่ข้างในเป็นหนองขึ้นที่บริเวณขอบทวารหนัก หรือฝีรอบขอบทวารหนัก ทำให้รู้สึกเจ็บเวลานั่งและขับถ่าย

– ความผิดปกติที่ทวารหนัก แผลชอนทะลุ (anorectal fistulas) สาเหตุและอาการ เกิดจากอาการอักเสบที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีผลต่อเนื่องมาถึงทวารหนัก ทำให้ช่องเปิด – ปิดระหว่างลำไส้ใหญ่ส่วนปลายกับผิวหนังรอบๆ ผิดปกติ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณทวารหนักเป็นอย่างมากเวลาขับถ่าย

– ความผิดปกติที่ทวารหนัก คันทวารหนักเรื้อรัง (pruritus ani) สาเหตุและอาการ เกิดจากมีพยาธิเข็มหมุดหรือพยาธิเส้นด้ายอาศัยอยู่ในบริเวณทวารหนักหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือจุดซ่อนเร้นรุนแรงเกินไป การสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ การรักษาความสะอาดที่บริเวณทวารหนักไม่ดีพอ ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันเรื้อรังบริเวณขอบทวารหนัก หากเกาก็จะยิ่งทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้นอักเสบและระคายเคืองมากขึ้น

อาการทั้งหมดนี้เราทุกคนมีสิทธิ์เป็นเท่าๆ กันครับ

คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป

การรักษา

ในกรณีของผู้ที่เพิ่งมีอาการทวารหนักผิดปกติยังไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ เพราะในระยะแรกนี้ คุณไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ เพียงแค่ใส่ใจในการดูแลความสะอาดบริเวณที่เป็นมากขึ้น และพยายามหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงที่จะทำให้โรคกำเริบหนัก เช่น การนั่งนานๆ การกลั้นอุจจาระและปัสสาวะเป็นเวลานานๆ เพียงเท่านี้อาการของคุณจะดีขึ้นตามลำดับครับ

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทวารหนักผิดปกติในระยะอันตราย หากไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ

ปัจจุบันแพทย์จะมีวิธีในการรักษาทางเดียว คือการผ่าตัด โดยจะรักษาลักษณะของอาการที่แสดงออก เช่น หากพบว่าเป็นฝีคัณฑสูตรที่ทวารหนักขนาดใหญ่มาก แพทย์จะใช้วิธีกรีดที่บริเวณแผลเพื่อระบายหนองออก และให้ยาปฏิชีวนะที่โพรงหนองเพื่อลดอาการเจ็บ

หรือในกรณีที่เป็นแผลชอนทะลุ หรือแผลปริที่ขอบทวารหนักก็เช่นเดียวกัน แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดเปิดแผลออกเพื่อรักษาแผล ซึ่งวิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรักษาด้วยการกินยาได้แล้ว

ยา

ดูแลทวารหนักอย่างไรให้ไกลโรค

สำหรับผู้ที่มีอาการทวารหนักผิดปกติอยู่เรามีข้อแนะนำสำหรับคุณดังนี้ครับ

– หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่ายอุจจาระ โดยเฉพาะคนที่มีแผลปริที่ขอบทวารหนัก ฝีคัณฑสูตรแผลชอนทะลุ เพราะยิ่งเบ่งจะยิ่งทำให้คุณเจ็บปวดมากขึ้น

– กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพราะอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้อุจจาระนิ่ม ส่งผลให้ขับถ่ายง่ายขึ้น

– ออกกำลังกายและดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะยิ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณสดใส และทำให้แผลบริเวณที่เป็นแห้งเร็วขึ้นอีกด้วย

– รักษาความสะอาด ก่อนและหลังถ่ายอุจจาระและปัสสาวะควรล้างมือด้วยสบู่และเช็ดให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้น และไม่ควรเกา เพราะยิ่งจะทำให้บาดแผลบริเวณนั้นเกิดการอักเสบและระคายเคือง

– ในรายที่มีอาการคันบริเวณทวารหนัก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกทำความสะอาดในร่มผ้า เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่ หรือผงซักฟอกที่มีสารเคมีรุนแรงและมีกลิ่นฉุน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองได้

รู้ข้อมูลกันอย่างนี้แล้ว เข้าห้องน้ำครั้งต่อไป อย่าลืมใส่ใจเรื่องความสะอาดนะครับ

ข้อมูลจาก คอลัมน์โรคภัยใกล้ตัว นิตยสารชีวจิต