Welcome to Lifestyle Zone!
นวดนานาชาติ (1)
การนวด ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งจากความเหนื่อยล้าต่างๆ ในชีวิตประจำวัน บางคนอาจต้องการนวดเพื่อคลายความปวดเมื่อย หรือบางคนอาจนวดเพื่อผ่อนคลายความเครียด
นวดแบบชีวจิต
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิตเป็นผู้ค้นคิดวิธีการนวด โดยปรับประยุกต์มาจากการนวดแผนไทยการนวดกดจุดฝังเข็มตามองค์ความรู้แพทย์แผนจีน การใช้พลังดัน – ต้านแบบไอโซเมตริก เพื่อให้การนวดตัวเองการนวดเพื่อนหรือคนที่เรารักได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่
การนวดแบบชีวจิตแบ่งเป็นสองประเภทด้วยกันคือ
- นวดกดจุดและกระตุ้นต่อม
เป็นการกระตุ้นและรีดให้ท็อกซินกระจายออกจากร่างกาย และขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้จุด
ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิต การหลั่งฮอร์โมนของต่อมต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อกดจุด
นี้ คลึงและดึงจุด – ต่อมต่างๆ ควรใช้สมาธิและการหายใจอย่างถูกต้องร่วมด้วย จะทำให้รู้สึกมีแรง
กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
- นวดคู่เพื่อการผ่อนคลาย
โดยปกติ เรามักนวดหลังจากออก-กำลังกาย ซึ่งเมื่อออกแรงและออกกำลังกายเต็มที่ เราจะเหนื่อย
เหงื่อออกหัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้นเร็ว คงจะมีอาการเจ็บ ปวด ตึง และเมื่อยเป็นธรรมดา เราจึงตบ
ท้ายด้วยการนวดและการผ่อนคลายให้ร่างกายสบาย หายเจ็บหายปวด?หายเมื่อยได้ และสามารถไปออกแรง ออกกำลังกายวันต่อไปได้อย่างกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา
นวดเพื่อนวดตัวเองนวดแผนไทย โรงพยาบาลสมุทรสาครโรงพยาบาลสมุทรสาครเป็นโรงพยาบาลที่มีแพทย์ทางเลือกหรือแพทย์แผนไทยไว้ให้บริการสำหรับผู้ป่วยด้วย
คุณขนิษฐา ปานรักษา พยาบาลวิชาชีพ 7 หัวหน้างานแพทย์แผนไทยกล่าวว่า “แพทย์แผนไทยของที่นี่จะประยุกต์ให้เข้ากับหลักกายภาพบำบัดและสรีรวิทยา”
หลังจากที่คุณหมอแผนปัจจุบันส่งตัวคนไข้หรือคนไข้สมัครใจจะมาที่นี่เองแผนกงานแพทย์แผนไทยจะเริ่มการรักษาด้วยการตรวจวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกาย เช่น มีอาการปวดหลัง ก็จะต้องเช็คดูว่าแขนขาขยับได้แค่ไหนไหล่ติดไหม
ต่อมาจึงเข้าสู่กระบวนการรักษาซึ่งมักจะเป็นการนวดรักษาตามจุดที่มีอาการ พร้อมกับแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปปรับใช้เองได้ ด้วยท่าออกกำลังกายหรือท่าดัดตน
หากต้องใช้สมุนไพรร่วมรักษาโรค?ก็จะเป็นไปตามหลักเภสัชวิทยา อาจจะเป็นสมุนไพรชนิดเดียว หรือในกรณีที่ต้องทำลูกประคบ ก็จะใช้สมุนไพรหลายชนิด เพราะสมุนไพรแต่ละอย่างแก้โรคได้ไม่เหมือนกัน บางอย่างต้องการให้ตัวยาซึมเข้าผิว บางอย่างเพื่อให้เกิดน้ำมันหอมระเหย
คุณขนิษฐาย้ำว่า เจ้าหน้าที่นวดทุกคนที่นี่ได้รับประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น
จำแนกอาการเพื่อความเข้าใจ
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
นวดน้ำมันลังกาสุกะ
คุณมะนาเซ เจะแน หัวหน้างานการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงที่มาของการนวดน้ำมันลังกาสุกะว่า
“การนวดน้ำมันลังกาสุกะเกิดขึ้นจากการรวบรวมองค์ความรู้จากหมอพื้นบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ากับการนวดแผนไทยราชสำนัก
“ในอดีต การนวดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จะมีแค่เฉพาะการนวดผู้หญิงหลังคลอดโดยโต๊ะบีแด (หมอตำแย) และนวดแก้ปวดเมื่อยสำหรับผู้ชายเท่านั้น เมื่อเป็นการนวดผสมผสานหลายศาสตร์ การนวดน้ำมันลังกาสะกุจึงมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร”
คุณมะนาเซยังบอกว่า ความพิเศษของการนวดน้ำมันลังกาสุกะอีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำมันที่ใช้นวด
“สูตรการทำน้ำมันลังกาสุกะนั้นได้มาจากการคัดเลือกสมุนไพรที่ดีที่สุดของโต๊ะบีแด 15 คน นำมาต้มกับน้ำมันงาหรือน้ำมันถั่วเหลือง และผสมกับน้ำมันฮาบาตุสเซาดะห์หรือน้ำมันยี่หร่าดำ ที่ชาวมุสลิมเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดการนวดด้วยการใช้น้ำมันจะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและผิวหนังชุ่มชื้น
“การจะทำให้น้ำมันซึมเข้าผิวหนังได้ดีต้องทำควบคู่กับการประคบร้อนด้วยก้อนหิน เพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลายเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อพังผืดต่างๆ”
คุณมะนาเซบอกว่า การนวดน้ำมันลังกาสุกะนั้นไม่มีข้อห้ามใดๆ สามารถนวดได้ทุกเพศทุกวัย แต่เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การนวดน้ำมันลังกาสุกะจะเหมาะกับคนในกลุ่มต่อไปนี้ค่ะ
“ผู้ที่มีปัญหาปวดหัวเข่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุและหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีปัญหาเข่าเสื่อม หมอนวดจะใช้น้ำมันนวดบริเวณหัวเข่าและประคบร้อนด้วยก้อนหิน เพื่อให้กล้ามเนื้อซึมซับตัวยาได้ดียิ่งขึ้น”
เคล็ดลับการนวดคลายเครียดแบบลังกาสุกะ1. นั่งขัดสมาธิ ชโลมน้ำมันที่นิ้วมือข้างขวา ยกเว้นนิ้วโป้ง
2. ใช้นิ้วชี้ กลาง นาง และก้อย กดรีดไปที่ต้นคอด้านซ้ายลงมาที่บ่า
3. กดรีดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอไหล่ และบ่า จนรู้สึกผ่อนคลายและหายตึงเครียด
4. นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาประคบบริเวณที่นวดเพื่อให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น
5. สลับไปนวดด้านขวา โดยทำเช่นเดียวกันกับข้างซ้าย
“ทุยหนา” มหัศจรรย์นวดแผนจีน
“ทุยหนา” ถือเป็นหนึ่งในศาสตร์การแพทย์แผนจีนโบราณที่สืบทอดกันมานานนับพันๆ ปี
แพทย์หญิงอัมพร กรอบทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจ-นาภิเษก และหัวหน้าแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าที่มาของทุยหนาว่า
“ทุยหนามีหลักฐานปรากฏอยู่ในบันทึก ‘หวงตี้นุ่ยจิง’ ซึ่งเป็นคัมภีร์การแพทย์แผนจีนเล่มแรกๆ ในสมัยราชวงศ์ชิงและฮั่น หรือราว 2,000 ปีก่อน ระบุว่ามีการใช้วิธีบริหารพลังภายในหรือชี่กงกับนวดทุยหนาเพื่อบำบัดรักษาโรคอัมพฤกษ์อัมพาตอันเกิดจากความผิดปกติของเลือดลม
“หลังจากนั้นการนวดทุยหนาก็ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ปัจจุบันมีการใช้การนวดทุยหนาเพื่อป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางขึ้นเหมือนศาสตร์การแพทย์แผนจีนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือการทำงานของอวัยวะผิดปกติ เช่น โรคลำไส้แปรปรวนโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นต้น”
แพทย์จีนจ๊ะมะ ไกรศรีสถาพรแพทย์จีนแห่งศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายลักษณะเด่นของการนวดแผนจีนทุยหนาว่า
“การรักษาโรคด้วยการนวดทุยหนามีจุดเด่นที่แตกต่างจากการนวดชนิดอื่นๆคือ ผู้ให้การรักษาต้องมีทั้งความรู้และความแม่นยำในเรื่องของจุดต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งพลังชี่กงที่จะถ่ายทอดเพื่อผลักดันให้ลมปราณหมุนเวียนนั่นเองซึ่งสาเหตุนี้ทำให้แพทย์จีนที่ใช้นวดทุยหนาในการรักษาไม่สามารถล้างมือในระหว่างการนวดได้ เพราะจะทำให้สูญเสียพลังและความร้อนจากฝ่ามือไป
“สำหรับวิธีการนวด ไม่เพียงแต่การใช้มืออย่างเดียว ยังอาจใช้เท้าและข้อศอกได้ด้วย หรือใช้เครื่องมือนวดโดยเฉพาะบางอย่าง เช่น น้ำมันตุงชิงน้ำมันงา ผงหินลื่น?หรือสารหล่อลื่นอื่นๆ ทั้งนี้อาจใช้สมุนไพรจีนและการครอบกระปุกร่วมด้วย”
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 261