Welcome to Lifestyle Zone!
เทคนิคกำราบ ความอยากอาหาร
เทคนิคกำราบ อยากอาหาร
อยากอาหาร ทำอย่างไรดี ? ชีวิตอังกาบได้รับความกดดันมากจากงานประจำที่ทำอยู่ ไหนจะจำนวนเวลาทำงาน แต่ละชิ้นซึ่งมีอยู่น้อยนิด ไหนจะข้อมูลละเอียดยิบ ร่างกายของเธอจึงเครียดไม่รู้ตัวเนืองๆ ประจวบกับอังกาบนอนดึก ชอบกินอาหารจำพวกจั๊งค์ฟู้ด ดื่มกาแฟที่อุดมทั้งน้ำตาลและครีมวันละหลายแก้ว
สองสามเดือนมานี้ นอกจากมีอาการเหนื่อยเพลียทุกเช้าแล้วน้ำหนักยังจัดอยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐาน แถมยังมีอาการประหลาด อยากกินอาหารบ่อยๆ ทั้งที่ท้องอิ่ม กระเพาะอาหารเต็มไปด้วยข้าว แป้ง ผัก และขนมนมเนยมากมาย
ตอนแรกอังกาบไม่คิดอะไรมาก เพราะเชื่อว่าตัวเองต้องการพลังงาน หากเมื่อสังเกตดูเพื่อนร่วมงานคนอื่น เธอพบว่าไม่มีใครกินได้กินดี กินจุบกินจิบ กินเอาเป็นเอาตายอย่างเธอ
กรี๊ด! อังกาบร้อนใจ ถ้าปล่อยไว้ เธอมีสิทธิ์จะอ้วนเป็นตุ่มซึ่งนำพาสารพัดโรคร้ายมาอีกเป็นแพ็คเกจ
ว่าแล้ว…สาวทำงานคนขยันผู้มีใจสู้จำต้องหาเทคนิคกำราบอาการนี้ให้ได้
คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป
สยบความอยาก ไม่ยากอย่างที่คิด
ตอนแรกอังกาบคิดว่ามีแต่วิธีระงับปาก กินแต่น้ำลายตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น หากเมื่อค้นหนังสือหลายต่อหลายเล่มกลับ พบว่ามีหลายวิธีการที่จะช่วยกำราบความอยากกินได้ นั่นคือ
กินเป็นมื้อเล็กๆ วันละ 4 – 6 ครั้ง โดยเลือกกินอาหารสุขภาพไขมันต่ำ เช่น ผลไม้สด ซีเรียล ถั่ว
ผลการศึกษาทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยชาไรต์ ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ค้นพบว่า ผู้ที่จิบน้ำบ่อยๆ จะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นถึงวันละ 150 แคลอรี และการจิบน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวันจะช่วยระงับความอยากอาหารและลดการสะสมไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป
แลนด์ ได้ทดลองพบว่า หมากฝรั่งช่วยลดปริมาณแคลอรีของร่างกายลงถึง 25 แคลอรี นอกจากนี้ยังพบว่าความหิวอาหารและความอยากอาหารลดลงหลังเคี้ยวหมากฝรั่ง 1 – 3 ชั่วโมง
ถ้าอดใจไม่ไหวจริงๆ ก็อนุญาตให้กินได้บ้าง แต่ต้องเป็นไปในลักษณะของการจำกัดปริมาณให้เหมาะสม และกินแค่พอหายอยาก
นอกจากนี้ ความเครียดมักทำให้เรากินอย่างขาดการยั้งคิดดังนั้นจึงต้องมีสติ ปล่อยวาง และรู้จักผ่อนคลาย
คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรกินอาหารสุขภาพและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย อย่ามุ่งที่การใช้สมุนไพรอย่างเดียว เพราะอาจทำให้ขาดสารอาหารและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เรื่องนี้ นายแพทย์ไพศาล วชาติมานนท์ จากโรงพยาบาลกรุงเทพ และนายแพทย์มนัส วุฒินันท์ จากโรงพยาบาลหัวเฉียว ได้ให้ความกระจ่างว่า “การฝังเข็มเป็นการกดจุดระงับความหิวเพื่อให้กินได้น้อยลงจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม ลักษณะทางสรีระ และเมแทบอลิซึมซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังได้ผลแค่ระยะสั้น ถ้าอยากมีรูปร่างดีตลอดไป ต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็อาจกลับมาอ้วนได้อีกในภายหลัง”
เมื่อรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากที่อังกาบ สาวทำงานผู้เก่งกล้าจะทำตามอย่าง เป็นขั้นเป็นตอน และด้วยความอดทนและพากเพียร ผลลัพธ์ก็อยู่ไม่ไกล
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิตฉบับ 289