Welcome to Lifestyle Zone!

อ้วนมาราธอน 15 ปี ยังไงก็ลดได้ !

กลัวอ้วน… กลัวป่วย… กลัวตาย
ผู้หญิงหลายคนกลัว 3 สิ่งนี้ เช่นเดียวกับคุณเสาวลักษณ์ แมคโดนัลด์หรือคุณแซลลี่(อายุ 48 ปี) อดีตสาวตุ้ยนุ้ย น้ำหนักกว่า 90 กิโลกรัม ที่ “ความกลัว” ทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อเป้าหมายสำคัญในชีวิตคือ การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อ่อนเยาว์ และอายุยืน

กินแหลกลาญ ไขมันพุ่ง สุขภาพล่วง

การพบปะพูดคุยกับเจ้าของประสบการณ์สุขภาพในปักษ์นี้ สร้างความประหลาดใจให้ผู้เขียนและทีมงานอยู่ไม่น้อย เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือสาวสวย รูปร่างดี จนแทบไม่น่าเชื่อว่าในอดีตเธอจะเคยหนักเกือบร้อยกิโลกรัมมาแล้ว

“แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยใส่ใจเรื่องอาหารการกิน จนกระทั่งอายุประมาณ 27-28 ปี แต่งงาน มีลูกคนแรก ก็กินไม่บันยะบันยังหนักกว่าเดิม เรียกว่าแทบไม่ได้หยุดปากเลย ทั้งข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ เค้ก 3 ปอนด์ก็กินคนเดียวจนหมดมาแล้ว ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นน่ากลัวมาก จาก 55 เป็น 90 กว่ากิโลกรัม ภายในระยะเวลาแค่ 5-6 เดือน หลังคลอดน้ำหนักก็ลงแค่ 2-3 กิโลกรัมเท่านั้น”

คุณแซลลี่เล่าสาเหตุของความอ้วนในครั้งก่อน ที่แม้จะฟังดูน่ากลัวเพียงใด แต่เธอก็ยังคงมีความสุขกับการกินเช่นเคย จนเวลาล่วงเลยผ่านไป สัญญาณเตือนจากร่างกายจึงดังขึ้น…

“3 ปีต่อมา ฉันคลอดลูกคนที่ 2 ซึ่งหลังจากแบกน้ำหนักเยอะๆ มานาน คราวนี้อาการเริ่มไม่ค่อยดี เดินขึ้นบันไดชั้น 2 ก็หอบแฮ่กๆ หายใจไม่ออก ปวดเข่า ปวดหลังมาก เลยคิดว่าร่างกายเราแย่แล้ว

“ประกอบกับความอ้วนทำให้เราดูแก่ ดูโทรม ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเรียก ป้า ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอายุแค่ 30 หรือเวลาไปเดินห้างซื้อเสื้อผ้าก็ไม่มีไซส์ เพราะใหญ่สุดของเขาคือ XL แต่เราต้องใส่ XXXLทำให้ตัดสินใจบอกกับตัวเองว่าได้เวลาลดความอ้วนแล้วล่ะ”

จากนี้ ปฏิบัติการลดน้ำหนักของเธอก็เริ่มต้น
…แต่จะเริ่มอย่างไร อ่านต่อ หน้าถัดไป ค่ะ

อ้วนเป้าหมาย(สุขภาพ) มีไว้พุ่งชน

ปฏิบัติการรีดไขมันของคุณแซลลี่เริ่มขึ้นโดยการตั้งเป้าหมายสำคัญให้กับตัวเองและลงมือออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงทันที

“วิธีคิดที่ช่วยสร้างแรงฮึดในตอนนั้นก็คือ ถ้ามัวแต่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนเผละ ไม่เริ่มดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ฉันต้องมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ป่วยง่าย ตายเร็วแน่ๆ ที่สำคัญคือเกิดเป็นผู้หญิง ก็ขอสวยสักครั้งในชีวิตเถอะ

“พอคิดได้แบบนั้นก็รีบคว้าเสื้อกางเกงรัดรูปที่เขาชอบใส่กัน ออกไปเต้นแอโรบิคเลย เต้นได้ไม่ถึง 5 นาที ปรากฎว่าหน้ามืด เป็นลม (หัวเราะ)”

ถึงบททดสอบแรกจะไม่ง่ายดายนัก แต่คุณแซลลี่ยังคงไม่ลดละความพยายาม และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจจริงย่อมไม่ทำให้ใครผิดหวัง

“ฉันเต้นแอโรบิคแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณครู เพื่อนกระโดดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เราทำได้แค่ยกแข้งยกขา เพราะอ้วนย้วยมาก แต่ก็ไม่ท้อ สู้สุดใจ เต้นแบบนี้สม่ำเสมอครบ1 ปี น้ำหนักลดลงมา10 กิโลกรัม เหลือประมาณ 77-78 เสื้อผ้าเริ่มหลวม ใส่ไม่ได้ สุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น แต่รูปร่างยังไม่สวยอยู่ดีแถมนานวันเข้า น้ำหนักก็เริ่มคงที่”

คุณแซลลี่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า นั่นอาจเป็นเพราะเธอหักโหมออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว โดยลืมใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน

“ฉันหันมาใส่ใจเรื่องการกิน ควบคุมอาหาร หัดทำกับข้าวง่ายๆ ที่ดีต่อสุขภาพกินเอง เช่น ปลาดุกย่าง น้ำพริก ไม่กินขนมหวาน น้ำอัดลมเลย เน้นกินผักผลไม้ และออกกำลังกายหนักมากขึ้น เช้าไปวิ่ง 1 ชั่วโมง เย็นเต้นแอโรบิกอีก 1 ชั่วโมง

“ช่วงไหนน้ำหนักไม่ยอมลง จิตตกถึงขั้นไม่กินข้าวเลยทั้งวัน กินแค่ผลไม้ 2-3 จาน และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่งวันละ 5 ชั่วโมง ทั้งเต้นแอโรบิค วิ่งวันละ10 กว่ากิโลเมตร เข้าฟิตเนส ผลที่ได้คือน้ำหนักลดลง 26 กิโลกรัมอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 50 กว่ากิโลกรัม ภายใน 5 เดือน แต่รูปร่างย้วยไปหมด หน้าท้องห้อยเหมือนถุงกาแฟ น่าเกลียดมาก” เธอเล่าพลางทำหน้าตาเหยเก

“กินเพื่อผอม” เรื่องนี้มีอีกยาว
อ่านต่อ หน้าถัดไป นะคะ

ลดอ้วน, ลดน้ำหนักกินลีน คลีนสุขภาพ

แม้รูปร่างจะยังไม่เป็นดังหวังซะทีเดียว แต่ก็ทำให้ชีวิตของสาวที่เคยตุ้ยนุ้ยมีความสุขมากกว่าครั้งอดีตที่ต้องแบกน้ำหนักเกือบร้อยกิโลกรัม ในแต่ละวันเธอยังคงมุ่งมั่นควบคุมอาหารและออกกำลังกายเช่นเดิมเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ

“การใช้ชีวิตและทำงานในต่างแดน ทำให้วงจรอุบาทของฉันกลับมาอีกครั้ง เพราะต้องกินอยู่แค่ตามสะดวก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ เริ่มดื่มไวน์อย่างหนัก ดื่มทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ขวด และสูบบุหรี่ จากที่คิดว่าสูบพอหอมปากหอมคอ กลายเป็นยิ่งสูบยิ่งติด”

เมื่อหย่อนวินัยในการดูแลตัวเอง แถมยังทำร้ายสุขภาพซ้ำเติมลงไปอีก น้ำหนักของคุณแซลลี่จึงค่อยๆ ไต่ตาชั่งสูงขึ้น จาก 51 สู่ 52 จาก 52 สู่ 53 จนถึง 61 กิโลกรัมในที่สุด ทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอีกครั้ง!

“ปีใหม่ที่ผ่านมา ฉันและสามีให้สัญญาซึ่งกันและกันว่าเราจะเลิกสูบบุหรี่ และดื่มไวน์น้อยลง รวมถึงกลับมาออกกำลังกาย และหันมากินลีน”

คุณแซลลี่อธิบายเพิ่มเติมว่า การกินลีนหมายถึง การกินอาหารที่เน้นโปรตีน เช่น เนื้อปลา กุ้ง โดยต้องเป็นอาหารที่ปรุงแต่งน้อย ไม่หวานจัด เค็มจัด และกินแต่ไขมันดีที่เป็นประโยชน์กับร่างกายเท่านั้น

“ประสบการณ์การลดน้ำหนักที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าการอดอาหารไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่เราต้องกินอย่างมีสติ คิดเสมอว่าสิ่งที่กำลังจะเอาเข้าปากนั้นดีต่อสุขภาพหรือเปล่า ฉันจึงปรับเปลี่ยนวิถีการกินใหม่ทั้งหมดคือ กินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนด้วย

“เมนูลีนของฉันเน้นทำง่าย แต่อร่อย สะอาด หลีกเลี่ยงของทอดที่ต้องใช้น้ำมัน หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ก็จะใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกแทน ข้าวหรือขนมปังต้องไม่ขัดขาว เพราะมีใยอาหารช่วยให้อิ่มท้องได้นาน ที่สำคัญทุกๆ มื้อจะต้องมีผักรวมอยู่ด้วย ส่วนเมนูต้องห้ามที่ทุกคนในบ้านรู้กันก็คือ ขนมหวาน กับน้ำอัดลมค่ะ”

นอกจากเรื่องกินแล้ว “ออกกำลังกาย” ก็สำคัญนะคะ
เธอมีเทคนิคออกกำลังกายอย่างไร อ่านหน้าถัดไป ค่ะ

ลดอ้วนตัวแม่เรื่องการออกกำลังกาย

นอกจากจะพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินแล้ว เรื่องการออกกำลังกายเธอคนนี้ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยในหนึ่งสัปดาห์คุณแซลลี่จะออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งเพื่อช่วยในการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

“ตอนเช้าฉันจะไปเล่นเวทที่ยิม สัปดาห์ละ 4 วัน แต่ละวันจะบริหารกล้ามเนื้อต่างกัน เช่น วันจันทร์บริหารกล้ามเนื้อหลัง วันอังคารบริหารกล้ามเนื้อไหล่ วันพุธบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะจากการศึกษาวิจัยหลายแห่งพบว่า ร่างกายแต่ละส่วนของคนเราต้องใช้เวลาในการพักและสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน”

ส่วนช่วงเย็นนั้น คุณแซลลี่จะแบ่งเวลาให้กับกีฬาที่เธอรัก นั่นก็คือการวิ่ง

“ฉันชอบออกไปวิ่งสูดอากาศที่สนามกีฬาใกล้บ้าน วันหนึ่งประมาณ 6.4 กิโลเมตร สัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งเห็นผลดีต่อร่างกายชัดเจนมากคือ หน้าท้องเรียบ เอวคอด ขาแข็งแรง หน้าตาสดใสกว่าตอนเป็นสาวเสียอีก แถมน้ำหนักก็ลดลงเหลือแค่ 54 กิโลกรัม

“วันนี้เป้าหมายในชีวิตฉันเปลี่ยนไป ไม่ใช่การออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วนอีกแล้ว แต่เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย และดูดี ฉันอยากอายุยืน 90-100 ปี แล้วยังกินได้ เดินไหว ไม่ต้องนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล”

หากคุณมีเป้าหมายในชีวิตเพื่อการมีสุขภาพที่ดีแล้วล่ะก็ รีบลงมือทำเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้แข็งแรง อ่อนเยาว์เหมือนเจ้าของประสบการณ์สุขภาพของเรายังไงละค่ะ

เขียนโดย ธัญชนิต ตีพิมพ์ในคอลัมน์ประสบการณ์สุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 426