“สักคิ้ว – สักแก้ม” สวยยังไงให้สุขภาพเลิศ

“ สักคิ้ว – สักแก้ม” สวยยังไงให้สุขภาพเลิศ

อย่างที่กล่าวกันว่า คิ้ว คือมงกุฎของใบหน้า ดูจะเป็นความจริงอย่างยิ่ง เมื่อทุกวันนี้เทรนด์ความงามใหม่สนั่นโซเชียล ก็คือการ “ สักคิ้ว ” มีให้เลือกทั้งแบบ สักคิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 6 มิติ สักคิ้วสไตล์เกาหลี นอกจากนี้ยังมีการสักแก้ม สักปากชมพู เพื่อให้คุณสวยหน้าสด แบบไม่ต้องพึ่งเมคอัพอีกต่อไป

การสักคิ้ว – สักแก้ม จำเป็นหรือไม่ มีตัวช่วยในการตัดสินใจว่าควรหรือไม่ควรสักอย่างไรบ้าง วันนี้จะนำเรื่องราวมาฝากคุณเป็นตัวช่วยไว้ประกอบการตัดสินใจค่ะ

จากความเชื่อ สู่ความงาม

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ธัมม์ทิวัตถ์ นรารัตน์วันชัย สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ให้ความรู้ว่า ในอดีตการสักมักเกิดจากความเชื่อ สักเพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคม การเข้าแก๊งเข้ากลุ่ม แสดงความกล้า ไปจนถึงสักเพื่อดึงดูดใจเพศตรงข้ามตามวัฒนธรรมท้องถิ่น

“ทุกวันนี้จุดประสงค์ของการสักเปลี่ยนแปลงสู่การสักเพื่อศิลปะ สักเพื่อความสนุกไปจนถึงแฟชั่น ในทางการแพทย์เองก็ได้ประโยชน์จากการสักเช่นกัน ได้แก่การสักเพื่อลบรอยโรค การทำหัวนมและลานหัวนมเทียม การสักลงไปบริเวณรอบๆ ทวารหนัก เพื่อรักษาอาการคันรอบทวารเรื้อรัง การสักลงไปช่องในช่องระว่างผม หลังจากการปลูกผมเพื่อให้ดูมีผมดกดำขึ้นหลังจากปลูกถ่ายผม”

สำหรับการสักคิ้ว สักแก้ม ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์ฮิตในร้านเสริมสวย หรือคลินิกบ้านเรา มาฟังข้อมูลจาก สมาคม SPCP (Society of Permanent Cosmetic Professional) ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยข้อมูลที่ต่างกันว่า การสักดังกล่าวมีมานานแล้วในอเมริกา แต่เน้นสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้เมคอัพ ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนทั่วไปสักแล้วดูสวยผิดธรรมชาติ”

แต่การสักมี “ผลข้างเคียง” เสมอค่ะ แถมบางรายมากอาจมีมากเสียด้วย

…แต่ผลข้างเคียงจะมีอะไรบ้าง ตามอ่านหน้าถัดไป

การสักมีผลข้างเคียง

คิดจะสัก ต้อง “คิด” ให้รอบด้าน

ก่อนที่จะตัดสินใจจรดปลายเข็มลงบนปาก แก้ม และโดยเฉพาะคิ้วนั้น แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรผิวหนัง แนะนำว่า

“การสักมีทั้งประโยชน์และมีโทษ รวมถึงผลข้างเคียง เพราะจากข้อมูลที่มีการศึกษาในต่างประเทศพบว่า โดยทั่วไป การสัก 100 ครั้ง มีผู้ที่ได้รับการสักร้อยละ 75 เกิดผลข้างเคียงตามมา และร้อยละ 10-15 รู้สึกผิดหวังเสียใจหลังจากได้รับการสัก

          “ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ควรพิจารณาผู้ให้บริการ ช่างสัก หรือสถานประกอบการว่ามีความสะอาดและปลอดภัยหรือไม่ เช่น ใช้เข็มที่ใช้แล้วทิ้ง หรือเวียนเข็ม คือ เข็ม 1 เล่ม ใช้กันเป็นร้อยๆ คน ซึ่งอาจทำให้ติดโรคได้

“ส่วนสีที่นำมาใช้สักก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อก่อนคนโบราณจะใช้สีออร์แกนิก คือสีที่สลายได้ง่ายตามธรรมชาติ แต่หลังจากวิวัฒนาการดีขึ้น ก็มีการใช้สีเคมีที่มีโลหะหนักเป็นส่วนผสมมากขึ้น ซึ่งสีดังกล่าวจะมีสารก่อมะเร็ง สลายช้า และปัจจุบันยังไม่มีการควบคุมความปลอดภัยใดๆ

          “ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ การลบหรือแก้ไขรอยสักไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนสักแล้วมีปัญหาหรือไม่พอใจรอยสักของตนเอง แพทย์ผิวหนังจะแก้ไขด้วยการลบรอยสัก หรือใช้วิธีสักซ้ำลงไป แต่ถ้าเป็นการสักบนใบหน้าจะไม่สามารถแก้ไข หรือสักซ้ำลงไปได้ ยิ่งเป็นรอยแผลเป็นก็ยิ่งแก้ไขลำบากมาก” แพทย์หญิงมิ่งขวัญกล่าวปิดท้าย

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการสัก

ไม่ว่าคุณจะต้องการสักด้วยสาเหตุใดก็ตาม นอกจากคำเตือนจากแพทย์หญิงมิ่งขวัญดังที่กล่าวมาแล้ว ข้อมูลของศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเผยถึงผลกระทบของรอยสักต่อผิวหนัง ที่ควรระวังไว้ดังนี้

1. การติดเชื้อ

ได้แก่ การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดหลังจากทำการสักมาแล้ว 1-2 วัน ทำให้ผิวหนังอักเสบบวมแดง เป็นหนอง รวมถึงเชื้อไวรัส เช่น โรคตับอักเสบชนิด B เพราะเคยมีรายงานว่ามีการระบาดของโรคนี้ในกลุ่มผู้ทำการสักยันต์

2. โรคผิวหนัง

เช่น โรคเรื้อนกวาง โรคแอลอี จะเกิดบริเวณรอยสัก ทำให้ผิวหนังตกสะเก็ด มีอาการคันเกิดการติดเชื้อต่อแบคทีเรียต่างๆ ได้

3. ปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสีที่ใช้ในการสัก

ถ้ามีอาการแพ้สี อาจเกิดอาการตุ่มนูน คันตามผิวหนัง ถ้ารุนแรงทำให้เกิดอักเสบเป็นหนอง

4. การสักผิวหนัง และสักคิ้ว จะทำให้มีการติดเชื้อเอดส์ได้

โดยอาจเกิดจากการสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองโดยตรง โอกาสติดโรคด้วยวิธีนี้ต้องมีแผลเปิดและปริมาณเลือดหรือน้ำเหลืองที่เข้าไปในร่างกายต้องมีจำนวนมาก

     5. อาจเกิดคีลอยด์ (Keloids) หรือแผลเป็นมีลักษณะเป็นเนื้อนูนที่ผิวหนัง

ถึงอย่างนั้น การสักคิ้ว – สักแก้ม ก็ยังเป็นที่นิยม วันนี้มี 2 ประสบการณ์คนลองสัก ทั้งทางบวก และทางลบ มาให้คุณอ่านกัน

หน้าถัดไปค่ะ

แบ่งปันประสบการณ์ สัก-เสริม-สวย

เล่ามาถึงตรงนี้ คงทราบกันแล้วว่าการสักมีทั้งประโยชน์และโทษ ทีนี้ลองมาฟังประสบการณ์จริงของสาวๆ ที่เคยไปสักบนใบหน้ากันมา อย่าง 2 ท่านนี้ค่ะ

คุณเนตรทิพย์ ทองศรี หรือ คุณกวาง ช่างสักวัย 25 ปี จากร้าน Q Vision by EyEkwang ที่หลงรักการสักทั่วใบหน้าและเรือนร่าง รวมถึงการสักคิ้วและปาก เพราะช่วยให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย

“หลังจากสักคิ้ว สักปาก ชีวิตของกวางก็ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลารีบตื่นมาแต่งหน้าอีกต่อไป มีคิ้วสวยๆ ปากก็ชมพูชุ่มชื่นตลอดเวลา ใครเห็นก็ทักว่าสวยขึ้น ไปทำอะไรมา”

ไม่เพียงแต่หลากหลายรอยสักบนใบหน้าที่สร้างความประทับใจให้คุณกวาง เธอยังเล่าอีกด้วยว่า

“ส่วนใหญ่ลูกค้าผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงวัยทำงานนิยมมาสักแก้ม เพราะอยากตื่นเช้าขึ้นมาแล้วสวยเป็นธรรมชาติ แก้มชมพูระเรื่อ ดูมีสุขภาพดี โดยไม่ต้องปัดบลัชออน ไม่ต้องแต่งต้องเติมอะไรแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ กับการสักสีลงไปบนแก้ม”

ส่วน คุณสุมาลี เหมือนเงา หรือ คุณแนน อายุ 28 ปี ถ่ายทอดประสบการณ์ “สักคิ้วผิด คิดจนตัวตาย” ให้เราฟังว่า

“แนนเป็นคนคิ้วบางมาก ต้องเขียนคิ้วทุกวัน นานเข้าก็เกิดความขี้เกียจ เบื่อหน่าย อยากตื่นขึ้นมาแล้วมีคิ้วสวยๆ ไม่ต้องมานั่งเขียนให้เสียเวลา ก็เลยตัดสินใจไปสักคิ้ว 6 มิติที่ร้านแห่งหนึ่ง

          “วันนั้นหลังจากสักเสร็จ ลุกขึ้นมาส่องกระจก ตกใจมาก เพราะคิ้วทั้งหนา ทั้งใหญ่น่ากลัวมาก ถามช่างสักเขาก็บอกว่า เดี๋ยวอีก 7 วันมันก็จะลอกหดเล็กลงเอง แนนก็ใจเย็นรอจนครบกำหหนด ปรากฎว่าคิ้ว ขาด แหว่ง เป็นซี่ๆ น่าเกลียดมาก”

ด้วยเหตุนี้ ทำให้คุณแนนต้องกลับไปให้ทางร้านแก้ไขคิ้วให้ แต่ช่างสักกลับเอาน้ำกรดลบให้ จนคิ้วของเธอเกิดเป็นแผลลึกและติดเชื้อ ต้องทำการรักษาถึง 2 ปี

“ช่วงนั้นสุขภาพจิตเสียมาก ไม่กล้าส่องกระจก ไม่กล้าเจอหน้าใคร ทุกวันนี้ก็ยังหลงเหลือล่องรอยแผลอยู่ แนนต้องใช้วิธีแต่งหน้าเพื่อปกปิด และทายาลบรอยแผลเป็นเป็นประจำ แถมผิวบริเวณที่สักก็กลายเป็นผิวแพ้ง่าย บอบบางมาก ทำให้ต้องดูแลเป็นพิเศษค่ะ”

มีถึง 2 กรณีศึกษา ต่างประสบการณ์ ต่างความรู้สึกมาเล่าให้ฟังแบบนี้…

          ฉะนั้น ก่อนจะประทับรอยสักใดบนใบหน้า อย่าลืมศึกษาข้อมูลและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนนะคะ

ข้อมูลเรื่อง “สักคิ้ว – สักแก้ม สวยยังไงให้สุขภาพเลิศ” เขียนโดย ธัญชนิต คงสมพงษ์ จากคอลัมน์ trendy health นิตยสารชีวจิต