Welcome to Lifestyle Zone!

NEW GEN AGING 4 ปัจจัย ช่วยปลอดซึมเศร้า

รักษาโรคซึมเศร้า

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ช่วงวัน “International Day of Happiness” ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้นมา และจัดอันดับความสุขของแต่ละประเทศทั่วโลก พบว่าปีนี้ ไทยเป็นอันดับที่ 32 ของโลก เป็นอันดับที่ 3 ในทวีปเอเซีย รองจากสหรัฐอาหรับอิมิเรท และสิงคโปร์

ไม่นานมานี้ ก็แวบๆ เห็นโพสต์จากเพื่อนในเฟสว่าด้วย ความสุขของแต่ละช่วงวัย และดูเหมือนวัย 40+ เป็นวัยที่มีความสุขที่สุด…ซึ่งหลักฐานนี้อาจนำมายืนยันอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากจะเป็นการเกริ่นเข้าเรื่อง ที่บ.ก.อยากแชร์ประสบการณ์ของตนเองว่า หลังจากก้าวเข้าสู่วัย 40 ก็พบว่า มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉะนั้น ถ้าจะสรุปว่าวัยที่ บ.ก. เรียกว่า New Gen Aging (อายุ 40-55 ปี) เป็นวัยที่มีความสุขที่สุดในชีวิต จะผิดไหมคะ โดยเหตุผลร่วมกันน่าจะมีอยู่ไม่กี่ประการดังนี้

  1. มีวุฒิภาวะครบถ้วน อย่างที่เรารู้กันทั่วไปว่า ชีวิตคือการเรียนรู้ ถ้าเราเปิดรับความแตกต่าง ก็จะเรียนรู้ไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบ คนวัย New Gen Aging เริ่มจะละวางสิ่งต่างๆ ที่เคยถือไว้ลงได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น “ตัวกูของกู” ความคาดหวังทั้งจากคนอื่นและตัวเราเอง ประกอบกับวัยนี้ อารมณ์เริ่มเย็นลง ด้วยรู้ดีว่า เรื่องบางเรื่องไม่ต้องปวดหัวหาวิธีทำอะไรเลย เพราะวัน เวลา และปัจจัยต่างๆ ในชีวิตจะมาเปลี่ยนแปลงมันไปเองตามธรรมชาติ พลังของความดีความวิริยะอดทนจะหมุนคนดีที่มีคุณสมบุติแบบเดียวกันเข้าหากัน พลังของความเกเรจะหมุนคนเจ้าเล่ห์เข้าหากัน ธรรมะจะจัดสรร ให้คนที่มีศีลเสมอกันมาร่วมมือกันต่อยอดสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ

และเมื่อเราเห็นสิ่งดังกล่าวชัดๆบ่อยๆ ยืนยันว่า “ทำดี ก็จะได้ดี” คนวัย New Gen Aging จึงเลิกตั้งคำถามกับชีวิต มองเห็นความ “ธรรมดา” ของการเกิด เปลี่ยนแปลง และดับไปของสรรพสิ่ง จึงสุขยิ่งนัก

คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป

  1. มีความกล้าหาญ สืบเนื่องจากข้อ 1 ซึ่งเมื่อเส้นทางในชีวิตชัดเจน ตามหลักธรรม เรารู้ว่าต้องการอะไร และไม่ต้องการอะไร รู้วิธีที่จะลดกิเลสและความอยากของมนุษย์ ที่ทำให้เรามีความทุกข์อย่างไร รู้วิธีที่จะทำให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นการก้าวกระโดดไปสู่การเรียนรู้ใหม่และความเข้าใจใหม่ๆ ได้อย่างไร

นอกจากนี้เราจะรู้ว่า เรื่องดราม่ามีไว้เพื่อสร้างงานศิลปะ ส่วนเรื่องสะระตะอื่นๆ ในชีวิตต้องใช้เหตุผลเท่านั้น ฉะนั้นคนวัย New Gen Aging จึงไม่กลัวที่จะบอกว่าอะไรผิดอะไรถูก และเผชิญหน้ากับปัญหาทุกปัญหา พร้อมจะแก้ไขตัวเองอย่างทันทีทันใด หากปัญหานั้นเกิดจากความบกพร่องของตนเอง ความกล้าหาญที่จะแก้ไขตนเองนั้นสุขล้น เชื่อเถอะ

โรคซึมเศร้า

  1. มีพลังล้นเหลือ ก็ยังไม่แก่ แค่หย่อนคล้อยไปในบางอวัยวะ 555 แต่วุฒิภาวะและความเข้าใจชีวิตในข้อ 1 ทำให้เส้นทางชีวิตชัดเจน ทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงาน และเมื่อมีความชัดเจน จึงไม่ลังเลที่จะลงมือทำ แถมยังทำด้วยพลังเกินร้อย (เพราะรู้ว่าจะไม่พลาด หรือถ้าพลาดก็ไม่กลัว มีจิตใจกล้าหาญและเข้มแข็งซะอย่าง) ประกอบกับอยากทดสอบลิมิทของพลังกาย (New Gen Aging แล้วยังไงเหรอ) เราก็จะจัดเต็มในทุกเรื่อง

ซึ่งหลายๆ เรื่องทำให้เราพบข้อจำกัด (เช่นกระดูก ข้อ กล้ามเนื้อ) แต่หลายเรื่องก็ทำให้เราพบศักยภาพที่ไม่มีข้อจำกัด (เช่น การทำงานของสมอง การบู้สต์อัพร่างกายเอาชนะโรค การเท่าทันและควบคุมความรู้สึก) รวมทั้งการค้นพบแพชชั่น (passion) หรือความหลงใหลได้ปลื้มใหม่ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง (เช่น สำหรับบ.ก.คือความสนุกในการมองเห็น (visualize) การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย กลไกและการควบคุม โดยเฉพาะหลายครั้ง เราพบว่าจิตกำหนดกายได้)  ขณะแพชชั่นที่มีมาแต่เดิม เช่น อยากเป็นนักเขียน ก็ลุล่วงไปแล้ว

ฉะนั้นเมื่อได้พบข้อจำกัด ข้อไม่จำกัด และแพชชั่นใหม่ ใครเลยจะไม่มีความสุข

คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป

  1. ชีวิตเข้าที่เข้าทาง การวางแผนการเงิน การเก็บหอมรอบริม การไม่ยอมเป็นหนี้ การไม่ยอมทิ้งครอบครัวโดยเฉพาะแม่ไปไหน รวมทั้งการดูแลลูกในแบบจัดเต็ม (หลังจากปลูกฝังเรื่องธรรมะ และความเข้าใจชีวิตพื้นฐานมาจนแน่นปึ๊ก ก็ให้อิสระในการตัดสินใจ และความเป็นตัวของตัวเองกับเขา) สิ่งเหล่านี้เริ่มลงตัว เห็นเป็นรูปธรรมว่า แม่มีความสุขในแบบที่คนสูงวัยจะมีได้ แถมยังมีความเข้าใจเรื่องสุขภาพเป็นอย่างดี คือจะดูแลตนเองด้วยการปรับอาหารและออกกำลังกาย ก่อนพึ่งหมอแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนลูกก็มีความสามารถ พร้อมขับเคลื่อนสังคมต่อไป ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม บางคนอาจแย้งว่า “ไม่…ชีวิตฉันไม่เข้าที่เข้าทางสักหน่อย บางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะคนในชีวิตฉัน ไม่ได้ให้ความสุขดั่งใจ” ถึงอย่างนั้น บ.ก.ก็ยังมั่นใจว่า ถ้าเราเริ่มทำจากข้อ 1 ไล่มายังข้อ 2 และ 3 เชื่อว่า ข้อ 4 ก็จะค่อยๆ เซ็ตตัวเข้าที่เองไม่ช้าก็เร็ว

รักษาโรคซึมเศร้า

หรืออย่างน้อย ก็จะไม่แย่ไปกว่าเดิม ซึ่งชีวิตก็เป็นเช่นนี้ค่ะ ถ้าเมื่อมันตกต่ำจนถึงจุดล่างสุด และเราประคองไว้ไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ เดี๋ยวสักพัก มันก็จะค่อยๆ ขึ้นมาเอง

จะว่าไปความจริง ตอนนี้ บ.ก.ตั้งใจจะเขียนถึงหนังสือเล่มน่ารักเล่มหนึ่ง ที่บังเอิญได้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ชื่อ New Aging เขียนโดยสถาปนิกวัย 40+ Matthias Hollwich เป็นเรื่องของกลุ่มสถาปนิกและนักออกแบบวัยเดียวกัน ที่มารวมตัวกัน เพื่อสร้างความสุขและความพอใจใใช้ชีวิตของคนวัย New Gen Aging …วัยของเรา แต่ดันเกริ่นซะจนจบตอน

พรุ่งนี้ค่อยทราบรายละเอียดเรื่องนี้ไปพร้อมกันนะคะ