Welcome to Lifestyle Zone!

5 ผักผลไม้ตัวช่วยเสริม คอลลาเจน เพื่อผิวเด้ง เปล่งประกาย

ผักผลไม้ตัวช่วยเสริม คอลลาเจน เพื่อผิวเด้งเปล่งประกาย

รู้หรือไม่คะว่า เราไม่จำเป็นต้องกินขาหมู คากิ หรือขาไก่ เพื่อรับ คอลลาเจน (Collagen) เข้าสู่ร่างกาย เพราะนอกจากไม่ได้ช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังทำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมาอีก

วิตามินซีตัวช่วยสร้างคอลลาเจน

วารสารTheAmericanJournalofClinicalNutrition เก็บข้อมูลผ่านการสำรวจอาหารประจำวันของอาสาสมัคร พบว่า อาหารประจำวันที่มีวิตามินซีต่ำส่งผลให้ผิวแห้งและริ้วรอยก่อนวัย

เพราะหากขาดวิตามินซี คอลลาเจนจะยึดกันไม่ดี ความยืดหยุ่นลดลง ฉีกขาดง่าย ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพผิวยังสังเกตได้ชัดจากปัญหาสุขภาพเหงือกและหลอดเลือด ทั้งเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม หลอดเลือดฝอยเปราะ เลือดออกใต้ผิวหนังเป็นรอยจ้ำแดงเนื่องจากผนังเส้นเลือดฝอยเปราะบาง สาเหตุจากคอลลาเจนที่ผนังเส้นเลือดฝอยเสียโครงสร้างไป

ชีวจิต มีผักผลไม้ทางเลือกที่กินแล้วช่วยเติมสารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน แน่นอนว่าช่วยให้ผิวเด้ง เปล่งประกาย และสุขภาพเลิศได้แน่นอน

พริกหวาน3สี

พริกหวานที่พบเห็นทั่วไปในท้องตลาดมีทั้งสีเหลือง แดง และเขียว แต่ละสีมีปริมาณวิตามินซีแตกต่างกัน

ผลการวิเคราะห์ปริมาณสารอาหารโดย สถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า พริกหวานสีเหลืองและสีแดงมีปริมาณวิตามินซีสูงมากโดย1ถ้วยตวงมีปริมาณวิตามินซีมากกว่า2เท่าของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคใน1วันส่วนพริกหวานสีเขียวมีปริมาณวิตามินซีคิดเป็น92เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใน1วัน

พริกหวาน คอลลาเจน

มหาวิทยาลัยรัฐไอโอวา(IowaState University) แนะนำเพิ่มเติมว่า ควรกินพริกหวานแก่สีเข้มเพราะมีปริมาณวิตามินซีเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง2เท่าพริกหวานสีเหลืองและสีแดงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ โดยเบต้าแคโรทีนจากผักและผลไม้จะได้รับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ

โดย วิตามินเอ ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงช่วยเสริมสร้างเยื่อบุต่างๆ เช่น เยื่อบุช่องปากและในระบบทางเดินอาหาร เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ต้านความเสื่อมชะลอวัย ช่วยให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น

นอกจากนี้ยังมีรายงานทางระบาดวิทยาพบว่า การกินผักและผลไม้ ที่มีเบต้าแคโรทีนสูงยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด ส่วนพริกหวานสีเขียวไม่พบสารเบต้าแคโรทีน แต่มีใยอาหารสูงกว่าพริกหวานสีเหลืองและสีแดงเล็กน้อย

อ่านต่อหน้าที่ 2

ถั่วลันเตา

วารสาร The Journal of the American College of Nutrition สำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารและตรวจสภาพผิวหนังของอาสาสมัครจาก 3 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย กรีซ และสวีเดน พบว่า ผู้ที่มีผิวอ่อนเยาว์มักเป็นผู้ที่นิยมกินพืชตระกูลถั่วฝัก (Legume) เช่น ถั่วลันเตาเป็นประจำ กินผักปริมาณมาก ใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหาร และกินปลา

โดย ถั่วลันเตา1ถ้วยตวงให้วิตามินซี37มิลลิกรัมคิดเป็น37 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใน1วันมีใยอาหารสูงถึง15เปอร์เซ็นต์และฟอสฟอรัส8เปอร์เซ็นต์ของความต้องการใน1วันถือว่ามีปริมาณใยอาหารและฟอสฟอรัสสูงเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น

ถั่วลันเตา คอลลาเจน

ใยอาหาร มีคุณสมบัติช่วยดักจับไขมันและสารพิษในร่างกาย ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ส่งผลให้มีผิวพรรณสดใส ไกลสิว หากกินเป็นประจำยังช่วยป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง

ส่วน ฟอสฟอรัส คือ เกลือแร่ในร่างกาย ที่พบปริมาณมากรองจากแคลเซียม โดยสารอาหารทั้งสองชนิดนี้ทำหน้าที่ร่วมกันในการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยรักษาและซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ช่วยกรองของเสียออกจากร่างกายผ่านไต มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกายเกี่ยวข้องกับการเก็บและใช้พลังงานในร่างกาย

นอกจากนี้ยังมีหน้าที่รักษาสมดุลในการใช้เกลือแร่และวิตามินต่างๆ ในร่างกาย เช่น วิตามินดี แมกนีเซียม สังกะสี

มะระขี้นก

มะระขี้นกมีรสขม แต่กลับมี วิตามินซีสูงกว่าผักหลายชนิดพบว่าปริมาณ1ถ้วยตวงมีวิตามินซีมากกว่า2เท่าของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคใน1วันโดยมีวิตามินซีสูงถึง121.6 มิลลิกรัมมีใยอาหารสูงมากคิดเป็น18เปอร์เซ็นต์มีลูทีน(Lutein)สูงถึง507.3ไมโครกรัม

มะระขี้นก คอลลาเจน

โดย ลูทีนเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย จากฟรีแรดิคัลที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสายตา ช่วยในการมองเห็น ช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกและโรคเกี่ยวกับสายตาเนื่องจากความเสื่อมของเซลล์ในผู้สูงอายุ

อ่านต่อหน้าที่ 3

ฝรั่ง

แม้ไม่มีรสเปรี้ยว แต่ ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงโดยมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง6เท่าสูงกว่าสับปะรดถึง18เท่าเมื่อเปรียบเทียบจากปริมาณน้ำหนัก 100กรัมของส่วนที่กินได้เท่ากัน

เพราะมีวิตามินซีสูงถึง3เท่าของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคใน1วันการกินฝรั่งผลกลางเพียง1ใน3ผลจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีเกินพอนอกจากนี้ยังมีใยอาหารสูงมากคิดเป็น19เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคใน1วัน

ฝรั่ง คอลลาเจน

ส่วนวารสาร Sunway Academic ยังแสดงผลการวิเคราะห์ปริมาณสารอาหารในฝรั่ง พบว่า มีสารแอนติออกซิแดนต์สูงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น โดยพบทั้งวิตามินซีและสารพอลิฟีนอล (Polyphenol) ปริมาณสูง ฝรั่งผลกลางมีวิตามินซี 176 มิลลิกรัม และมีสารพอลิฟีนอลถึง 133 มิลลิกรัม ข้อมูลจากวารสารยืนยันว่า หากยิ่งกินฝรั่งทั้งเปลือก จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์ทั้งสองชนิดสูงกว่าฝรั่งที่ปอกเปลือกออกจนหมด

พอลิฟีนอลคือสารแอนติออกซิแดนต์ชนิดหนึ่ง สามารถต้านฟรีแรดิคัลซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อมของร่างกายและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ ทั้งมีรายงานจาก Journal of the American Academy of Dermatology ระบุว่า สารพอลิฟีนอลสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งมีผลทำร้ายผิวและทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย

ลิ้นจี่

ลิ้นจี่4ผลใหญ่ มีวิตามินซีเพียงพอต่อความต้องการใน1วันหนังสือโภชนาการกับผลไม้มหาวิทยาลัยมหิดลให้ข้อมูลว่าลิ้นจี่จักรพรรดิ4ผลใหญ่มีวิตามินซี69.3มิลลิกรัมซึ่งเพียงพอต่อปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน(60มิลลิกรัม) แต่หากเป็นลิ้นจี่ฮงฮวยจะมีปริมาณวิตามินซีน้อยกว่าคือ20มิลลิกรัม

ลิ้นจี่ คอลลาเจน

นอกจากนี้ลิ้นจี่ยังมีสารแอนติออกซิแดนต์ เช่น พอลิฟีนอล แทนนิน (Tannin) คาเทชิน (Catechin) และไฟเทต (Phytate) สูง เมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น โดยพอลิฟีนอลช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งคาเทชินช่วยลดความเสี่ยงการแตกของเส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ส่วนแทนนินช่วยป้องกันโรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด

แม้จะมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูงแต่ลิ้นจี่ยังมีปริมาณน้ำตาลสูงด้วยโดยลิ้นจี่4ผลใหญ่มีน้ำตาลรวม14กรัมทางที่ดีคือกินแต่พอดีกินให้ได้วิตามินซีจากแหล่งอาหารที่หลากหลายทั้งผักและผลไม้

กินวิตามินซีจากธรรมชาติ สร้างคอลลาเจนให้ร่างกาย รับรองผิวเด้ง อ่อนวัยปราศจากสารพัดโรคภัยแน่นอนค่ะ

จาก คอลัมน์มื้อสุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 425 (16 มิถุนายน 2559)

บทความน่าสนใจอื่นๆ

กินเพิ่มคอลลาเจนเพื่อผิวสวย

ไขความลับ คอลลาเจน ที่คุณ(ไม่)รู้

ผิวเด้งดึ๋ง เต่งตึงด้วย คอลลาเจน

คอลลาเจน ดูแลผิว ผิวสวย