Welcome to Lifestyle Zone!

10 สูตรต้านหวัด ช่วงปลายฝน

10 สูตรต้านหวัด ช่วงปลายฝน

          สูตรต้านหวัด ดีๆ สำหรับช่วงที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุด บางวันครึ้ม บางวันแดดจ้า แถมอากาศเย็นก็กำลังจะมา ชวนให้เจ็บไข้ไม่สบายเอาง่ายๆ จะรออะไร มาดู 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับร่างกายแข็งแรงกันเถอะ

  1. ทำตัวให้ตัวอุ่น

เวลามีเชื้อโรคคุกคาม อุณหภูมิภายในร่างกายเราจะร้อนขึ้นมาก ซึ่งแสดงว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายกำลังทำงานหนักเพื่อจัดการกับเชื้อโรคอย่างขันแข็ง ฉะนั้นควรดูแลร่างกายให้อบอุ่นเวลานอน เพราะขณะนอนหลับ อุณหภูมิในตัวเราจะลดลง วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยได้จริงคือ การสวมหมวกหรือใช้ผ้าคลุมศีรษะ พันผ้าพันคอหรือสวมเสื้อปิดคอ สวมกางเกงขายาว และสวมถุงเท้า

เมื่อศีรษะ คอ และเท้าไม่เย็นลงเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น อาการต่างๆ เช่น ไอ ก็จะบรรเทาเบาบางลง สูตรนี้เหมาะกับช่วงเริ่มเข้าฤดูหนาวหรือตอนอากาศไม่ร้อนมาก เพราะหากอากาศร้อนแล้วห่อตัวขนาดนี้ อาจทำให้เหงื่อออกมากซึ่งก็จะทำให้รู้สึกหนาวหลังจากนั้น เป็นเหตุให้อาการต่างๆกำเริบได้อีก ฉะนั้นลองปิดแอร์แล้วเปิดพัดลมแทน เพื่อให้อากาศในห้องนอนไม่เย็นจนเกินไป ปรับความอบอุ่นร่างกายให้เหมาะตามสภาพอากาศด้วยนะคะ

สูตรต้านหวัด

  1. น้ำอุ่นเช้าถึงค่ำ

น้ำอุ่นเป็นตัวช่วยที่ดีในการบรรเทาอาการหวัด เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ลองแปรงฟันบ้วนปาก ด้วยน้ำอุ่น ซึ่งจะช่วยขับเสมหะและลดอาการไอได้ดีมากทีเดียว ถ้าจะอาบน้ำหรือเช็ดตัวก็ควรใช้น้ำอุ่น และอย่าใช้เวลาอาบนานมาก ควรอาบน้ำก่อนเวลาหกโมงเย็น ดื่มน้ำอุ่นหรือกินน้ำซุปอุ่นจัดๆ ซึ่งไม่ควรร้อน เกินไปเพราะอาจเป็นการลวกคอทำลายเซลล์ และถ้าเซลล์ถูกทำลายบ่อยๆ ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งอีก หรือจะ ดื่มน้ำธรรมดาก็ได้ค่ะ แต่ต้องไม่เย็น  ก่อนนอนควรบ้วนปากแปรงฟันด้วยน้ำอุ่นอีกรอบ เป็นอันครบถ้วน

  1. กินยาฟ้าทลายโจร

ไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นนะคะ ชาวจีน อินเดีย และชวาก็ใช้ฟ้าทลายโจรกันด้วย สรรพคุณสำคัญในต้นและใบของพืชชนิดนี้ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็น สาเหตุของการติดเชื้อและการอักเสบ และเพราะเป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เด่นชัดมากนี่เอง จึงสามารถใช้เป็นยาเดี่ยวๆรักษาอาการได้

หนังสือสมุนไพรน่ารู้ เขียนโดยรองศาสตราจารย์ ดร.วันดี กฤษณพันธ์ แนะนำวิธีกินฟ้าทลายโจร เป็นยาไว้ว่า ถ้าหากใช้แก้เจ็บคอ ให้สับฟ้าทลายโจรเป็นท่อน สั้นๆ 1 กำมือ ต้มนาน 10 – 15 นาที ดื่มก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง สูตรนี้สำหรับคนไม่กลัวรสขมค่ะ ถ้ากลัวขมให้กินเป็นยาแคปซูล 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น แต่ไม่ควรกินฟ้าทลายโจรติดต่อกันเกิน 7 วัน อาจทำให้มือเท้าชาอ่อนแรง เนื่องจากมีฤทธิ์เย็นค่ะ

ฟ้าทลายโจร

อ่านต่อหน้าที่ 2

  1. อมเกลือบ้วนปาก

การกลั้วคอก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาการเจ็บคอได้ มีสูตรง่ายๆ ค่ะ

สูตรแรกคือ ใช้เกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว อมบ้วนปากวันละ 3 – 4 ครั้ง

สูตรสองคือ ใช้เบกกิ้งโซดาก็ดีทีเดียวค่ะ ซื้อ หาได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตราคาแค่ซองละสิบกว่าบาท เท่านั้นเอง โดยผสมเบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชากับ น้ำเปล่า 1 แก้ว กลั้วคอวันละ 3 – 4 ครั้ง

คุณหมอออซคนดังของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เชื้อแบคทีเรียสเตร็ปที่อาศัยอยู่ในคอของเรา คือ สาเหตุของอาการระคายเคืองและเจ็บคอ คุณหมอแนะนำสูตรบ้วนปากแบบธรรมชาติ โดยใช้เกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำมะนาวครึ่งลูก ผสมกับชาจาก ใบเสจ (ครึ่งถ้วย) เสจช่วยชะลอการเติบโตของแบคทีเรีย ส่วนเกลือและมะนาวจะช่วยลดอาการระคายเคืองในลำคอ

  1. สูตรลดอาการไอ

เราเชื่อกันมาตลอดว่า การกินยาจะช่วยบรรเทาอาการไอได้ แต่ประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับปอด ริชาร์ด ดี. เออร์วิน (Richard D. Irwin) กล่าวไว้ในนิตยสาร The American College of Chest Physicians ว่า ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่กล่าวว่ายาแก้ไอที่ขายกันอยู่ทั่วไป สามารถบรรเทาอาการไอได้จริง อาการไอเกิดจากการระคายเคืองและเสมหะ ฉะนั้นจึงสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ หรืออาจบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ นอน พักผ่อนให้พอ งดอาหารทอด แต่ถ้าอาการไอยังรุนแรงและเรื้อรังอยู่ ควรจะไปพบคุณหมอ

  1. อบสมุนไพร

อาการคัดจมูกน้ำมูกไหลเป็นวิธีการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ซึ่งมีประโยชน์ แต่ติดตรงน่ารำคาญนี่แหละ คนไทยเราเองมีสูตรพื้นบ้านลดอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลกันมานานแล้วค่ะ ในหนังสือชุดนิทรรศการการแพทย์แผนไทย ของสถาบันการแพทย์แผนไทย แนะนำไว้ว่า การอบไอน้ำสมุนไพรด้วยสมุนไพรกลิ่นหอม ๆ อย่างไพล ขมิ้น ผิวมะกรูดซึ่งมีน้ำมันหอมระเหย และเติมสมุนไพรที่ผ่านความร้อนแล้วจะมีกลิ่นหอม เช่น การบูรกับพิมเสน เล็กน้อย ช่วยบำบัดอาการหวัดคัดจมูกได้

หรือถ้าการอบสมุนไพรทั้งตัวเป็นเรื่องยุ่งยาก ลองปรับมาเป็นการอบ เพื่อสูดดมก็ได้ค่ะ โดยใช้สมุนไพรเหล่านี้ร่วมกันหรือหาได้บางอย่างก็ไม่เป็นไร จากนั้นต้มสมุนไพรเหล่านี้จนเดือด แล้วเทลงอ่างหรือชามใบใหญ่ (อย่าใช้พลาสติกนะคะ) แล้วใช้ผ้าคลุมศีรษะ อังใบหน้าบริเวณเหนืออ่างใส่สมุนไพรสักพัก หลังจากอบแล้วสามารถผสมสมุนไพรกับน้ำอุ่นอาบได้อีกด้วย หรืออาจใช้แค่หอมแดงก็ได้ค่ะ โดยปอกเปลือกหัวหอมแดงสัก 4 – 5 หัว ทุบพอแตก นำไปต้มกับน้ำประมาณ 1 ลิตรจนเดือด แล้วอบกระโจมเช่นเดียวกับวิธีการข้างต้น

  1. กินสมุนไพรต้านหวัด

ไม่ต้องไปมองหาสมุนไพรจากที่อื่นไกลเลยค่ะ อาหารทั่วไปที่เรา กินกันอยู่เป็นประจำนี่แหละที่มีสมุนไพรต้านหวัดอยู่มากพอ เช่น พืชผักกลิ่นรสเผ็ดร้อนอย่างพริกไทย หัวหอมแดง กระเทียม ขิง กะเพรา ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย สะเดา รสขมก็มีคุณสมบัตินี้เช่นกัน ขมิ้นชันรสขมเฝื่อนมีความเผ็ดเล็กน้อย ช่วยลดไข้แก้หวัด ส่วนโหระพาและดอกแคช่วยลดไข้ได้ ส่วนมะนาว มีวิตามินซีช่วยละลายเสมหะ ผักต่างๆหลายชนิด เช่น ยอดมะยม ดอกขี้เหล็ก มะระขี้นก คะน้า แครอต ผักโขม ฯลฯ ก็ช่วยลดอาการหวัดเช่นกัน ถ้าช่วงไหนเป็นหวัด ลองปรับเปลี่ยนมารับประทานอาหารเหล่านี้ดูบ้าง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยต่อสู้กับหวัดตัวดีได้ค่ะ

ส้ม

อ่านต่อหน้าที่ 3

  1. กินอาหารเปรี้ยวหวาน

วิธีสู้หวัดที่อร่อยที่สุดคือ การกินผลไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม มะเฟือง มะละกอ มะขามป้อม พุทรา มะปราง ฯลฯ การกินผลไม้สดๆจะได้คุณค่าของวิตามินซีและสารอาหารอื่นๆที่มีประโยชน์มากที่สุดที่ช่วยกระตุ้น การทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มีพลังสู้กับโรคค่ะ

  1. ไช้เท้าต้านหวัดตำรับจีน

สูตรสู้หวัดของจีนก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ ในหนังสือ โภชนาบำบัด สูตรอาหารสมุนไพร โดยสุภาณี ปิยพสุนทรา ซึ่งเรียบเรียงมาจากตำรับแพทย์แผนจีนโบราณ สูตรที่น่าสนใจสูตรหนึ่งในการต้านหวัดก็คือหัวไช้เท้าค่ะ แพทย์แผนจีนกล่าวว่า หัวไช้เท้าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ละลายเสมหะ แก้พิษ ลดความดันโลหิต ขยายหลอดลมและหลอดเลือด ฯลฯ จึงนำมาใช้รักษาอาการหวัดและอาการไอได้ผลดี โดยนำหัวไช้เท้าสดมาคั้นน้ำ เติมน้ำตาลทรายแดง เล็กน้อยดื่มแก้ไอ

หัวไชเท้า

  1. นอนเพิ่มพลัง

ไม่น่าเชื่อว่าการนอนจะเป็นการเพิ่มพลังในการเยียวยารักษาตัวเองที่ง่ายที่สุดทางหนึ่ง เพราะ เวลานอนเป็นเวลาที่ร่างกายของเราได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง ผู้ใหญ่มักแนะนำให้นอนพักมากๆ เวลานอนที่ดีที่สุดตามแนวทางแพทย์แผนจีนคือ การนอนหัวค่ำแล้วตื่นแต่เช้า เพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และหากนอนอย่างพอเพียงก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเร็วขึ้น

10 วิธีง่ายๆ ถ้ารู้สึกจะไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ลองทำดูแล้วมาแชร์กันว่าได้ผลหรือไม่ ที่สำคัญคือกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคภัยให้ร่างกายได้มากทีเดียว

(สนับสนุนข้อมูล : คอลัมน์ชีวจิต+ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 347)

บทความน่าสนใจอื่น

6 อาหารช่วยคุณต่อสู้กับ โรคหวัด ได้อย่างสบ๊ายสบาย

น้ำขิง ผลไม้ สูตรเด็ดทำง่ายช่วยต้านหวัด

สมุนไพร + วิตามิน + ยาแก้ปวด กำราบหวัด