Welcome to Lifestyle Zone!

8 วิธีกิน 1 วิธีดม ช่วยเบิร์นหุ่น

8 วิธีกิน 1 วิธีดม ช่วยเบิร์นหุ่น

          วิธีกินแบบไม่ต้องอด หากคุณกำลังคิดจะลดน้ำหนัก ตั้งสติกันสักนิดค่ะ เพราะไม่ใช่ว่าการกินเข้าไปจะทำให้ผอมไม่ได้ เพราะเรามี 8 วิธีกิน แถม 1 วิธีดม เพื่อบู้สต์ระบบเผาผลาญในร่างกาย งานนี้ ได้กินอิ่ม จิตผ่อนคลาย แถมยังหุ่นดีด้วยนะ

  1. ไม่ลืมกินอาหารเช้า

คนที่งดอาหารเช้าบ่อยๆ จะอ้วนง่ายกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง เราใช้พลังงานพื้นฐานในการดำรงชีวิต (Basal Metabolism) เช่น พลังงานสำหรับการเต้นของหัวใจ การทำงานของปอด การหมุนเวียนเลือดการหายใจ การหลั่งฮอร์โมน การสร้างเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆ ถึงร้อยละ 60 – 65 ของพลังงานที่เรารับประทานในแต่ละวัน ดังนั้น แม้แต่นอนอยู่บนเตียงทั้งวันก็ยังต้องใช้พลังงานในส่วนนี้ ดังนั้น การอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งจึงทำให้ร่างกายเข้าสู่ระบบสงวนพลังงานโดยการลดอัตราการเผาผลาญลง ทำให้ร่างกายสะสมพลังงานในรูปของไขมันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้การงดอาหารเช้ายังเป็นที่มาของ “อาการกินกลางคืน” (Night Eating Syndrome) ด้วย

คนที่งดอาหารเช้ามีแนวโน้มอ้วนได้มากกว่าคนที่กินอาหารเช้าถึง 4 เท่า กลุ่มผู้หญิงที่กินอาหารเช้าที่มีแคลอรีมากกว่ามื้ออื่นๆ จะลดน้ำหนักลงได้ดีกว่าและสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ อาหารเช้าช่วยให้หิวน้อยตลอดวัน

  1. แบ่งกินมื้อเล็กๆ

การกินอาหารวันละ 4 – 6 มื้อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและลดน้ำหนักได้มากขึ้น คนที่ทิ้งช่วงระหว่างมื้อนานเกินไป ระบบเผาผลาญจะปรับตัวให้ทำงานช้าลงเพื่อชดเชยกับการไม่ได้กิน แต่ถ้ากินมื้อใหญ่เกินไประบบเผาผลาญจะทำงานเสมือนว่าคุณกำลังอดอยาก จึงเก็บแคลอรีทั้งหมดไว้เพื่อสะสมเป็นเสบียงยามขาดแคลนทำให้อ้วนขึ้นได้

สำหรับคนที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญอาหาร เช่น ผู้สูงอายุหรือคนที่ระบบเผาผลาญทำงานไม่ดี แนะนำให้กินอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ เพื่อให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

  1. ต่อสู้ไขมันด้วยไขมัน

สุภาษิต “หนามยอกเอาหนามบ่ง” ใช้ได้ผลในบางครั้งเหมือนกัน เพื่อให้กระบวนการเผาผลาญมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

นักวิจัยจากรัฐมอนทรีออล ประเทศแคนาดาได้ศึกษาเกี่ยวกับนํ้ามันปรุงอาหารที่สามารถทำให้คนมีกระบวนการเผาผลาญอาหารที่สูงขึ้น สามารถลดคอเลสเตอรอลและลดน้ำหนักลงได้ในบางคน

การศึกษานี้พบว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่นกรดไขมันโอเมก้า – 3 ทำให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญพลังงานที่สูงขึ้น ช่วยให้ร่างกายกำจัดของเหลวส่วนเกิน

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า – 3 มาก ได้แก่ปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก

อ่านต่อหน้าที่ 2

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำเป็นสารอาหารสำคัญที่เราจะลืมไม่ได้หากดื่มน้ำน้อยเกินไป ระบบเผาผลาญจะลดลงเหมือนการขาดอาหาร โดยตับจะเก็บน้ำไว้แทนที่จะใช้ไปในการเผาผลาญไขมันเพราะเป็นตัวช่วยในการไหลเวียนและการดูดซึมของสารอาหารต่างๆ ในร่างกายผ่านเลือดเมื่อดื่มน้ำเพียงพอ การไหลเวียนเลือดจะดีส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้นด้วย

น้ำยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสมดุลของการเผาผลาญพลังงาน รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาเป็นเหงื่อทางผิวหนังปัสสาวะ หรือทางลมหายใจ ช่วยลดการสะสมของไขมัน โดยช่วยแบ่งเบาภาระของตับและช่วยลดอาการบวมน้ำในเนื้อเยื่ออีกด้วย

ดังนั้น การที่เราดื่มน้ำเป็นประจำสม่ำเสมอเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้โดยไร้อุปสรรค

  1. เลี่ยงอาหารไขมันสูง

รู้หรือไม่ว่า ร่างกายจะสะสมไขมันจากอาหารได้รวดเร็วยิ่งกว่าการสะสมโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

คุณหมอสุวินัยอธิบายว่า ไขมันเป็นอาหารที่ทำให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานช้า เนื่องจากร่างกายเผาผลาญไขมันได้ช้าที่สุด ใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนานประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง ถ้ากินอาหารที่มีไขมันมาก ร่างกายต้องเผาผลาญนาน ก็เท่ากับไปเร่งให้ระบบเผาผลาญเสื่อมลงเมื่อการเผาผลาญไม่ดีก็จะเหลือพลังงานส่วนเกินให้ร่างกายต้องเก็บไว้ในรูปไขมันตามอวัยวะต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นควรเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันเป็นประจำ

  1. เลี่ยงน้ำตาลและของหวาน

มีการศึกษาพบว่า การกินน้ำตาลและของหวานในปริมาณมากเป็นประจำเป็นตัวส่งเสริมให้ระบบเผาผลาญอาหารเก็บสะสมไขมันมากกว่าจะเผาผลาญไขมันออกมาใช้ ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

  1. กินผัก ธัญพืช และผลไม้ไม่หวาน

    ผักผลไม้          การกินผักโดยเฉพาะผักสด ช่วยให้การเผาผลาญดีขึ้นได้เนื่องจากผักสดมีเอนไซม์และวิตามินที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานนอกจากนี้ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ถั่วต่างๆ ก็ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น สำหรับอาหารว่าง แนะนำผลไม้ที่รสไม่หวานเป็นอาหารว่างในช่วงระหว่างมื้อต่างๆ หรือตอนเช้า เป็นการเพิ่มใยอาหารที่มีประโยชน์พร้อมกับให้ความสดชื่น

อ่านต่อหน้าที่ 3

  1. สมุนไพรเพิ่มการเผาผลาญ

การใช้สมุนไพรและเครื่องเทศหลากหลายชนิดในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทำให้เกิดการสร้างความร้อนและการเผาผลาญแคลอรีได้

เคยสังเกตไหมคะว่า พอเรากินพริกหรือพริกไทยเข้าไปแล้วจะรู้สึกร้อน บ้างก็เหงื่อออก นั่นเพราะสารที่ให้ความเผ็ดออกฤทธิ์กระตุ้นให้ระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายทำงานมากขึ้น นอกจากพริกและพริกไทยแล้ว เรายังมีขิง ข่า ตะไคร้ อบเชยใบกานพลู ที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้

นอกจากนี้สมุนไพรยังช่วยปรับสมดุลระบบของเหลวในร่างกาย ทั้งยังช่วยลดความเครียด ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเผาผลาญทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

มีงานวิจัยระบุว่า พริกหรืออาหารรสจัดสามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้ 20เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลาถึง 30 นาที งานวิจัยในสตรีชาวญี่ปุ่นพบว่า พริกสีแดงช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ โดยเฉพาะเมื่อกินพริกแดงกับอาหารไขมันสูง

เชื่อว่าสารพัดเคล็ดลับการกินที่นำมาฝากวันนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านดูแลสองระบบสำคัญได้ดียิ่งขึ้น เพื่อจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนค่ะ

  1. น้ำมันหอมระเหยช่วยการเผาผลาญ

    ดม

การศึกษาพบว่า น้ำมันหอมระเหยซึ่งช่วยในการผ่อนคลาย มีส่วนช่วยให้การเผาผลาญพลังงานของร่างกายมีประสิทธิภาพขึ้น น้ำมันหอมระเหยที่แนะนำ ได้แก่ น้ำมันมะกรูด น้ำมันโหระพา น้ำมันกระดังงาน้ำมันดอกมะลิ น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันเปปเปอร์มินต์ น้ำมันโรสแมรี่

สนับสนุนข้อมูล : คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 315 (16 พ.ย.54)

บทความน่าสนใจอื่นๆ

วิธีทำอาหารลดแคลอรี ที่ให้อะไรมากกว่าการลดความอ้วน

สูตรลดความอ้วนให้ได้ผลด้วย อาหารชีวจิต

เคล็ดลับ ลดความอ้วน สไตล์ชีวจิต